Synthesis
1. จาก Nitrobenzene
2. Hoffman's Rearrangement
Reactions
1. Reaction Carboxylic Acid
2. Reaction with Nitrous Acid (HNO2) - ถ้า 1' Amine จะได้แก๊ส N2 เป็น Positive test ถ้า 2' จะได้ของเหลวสีเหลือง ถ้า 3' Amine จะได้เกลือซึ่งไม่เป็น Positive test
วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
Organic Chemistry - Amines Pg.1
Amines
ปกติแล้วแอมโมเนียที่เรารู้จักคือ NH3 แต่ทีนี้ เราแค่แทนที่ H เป็นหมู่ Alkyl เราก็เรียกว่า Amine แล้วนะครับ โดย Amine นี้ N จะเหลือ e- 1 คู่ ทำให้รูปร่างเป็นรูป Pyramid ฐานสามเหลี่ยม
ถ้ามีหมู่มาเกาะที่ N 1 หมู่ก็เรียก 1' Amine ถ้า 2 หมู่ ก็ 2' Amine ถ้าอย่างภาพข้างล่างนี้ 3 หมู่ ก็คือ 3' Amine
Nomenclature
Common Names - เรียกหมู่ที่เหาะอยู่กับ N แล้วลงท้ายด้วย Amine
IUPAC Names - ตัด e ท้ายชื่อ alkane แล้วใส่ amine อย่าลืมว่า ถ้ามีหมู่มาเกาะที่ N ก็ต้องบอกก่อนด้วยล่ะ ตามตัวอย่างข้างล่าง
Physical Properties
Amine ทั้งสามประเภทละลายน้ำได้ แต่ส่วนใหญ่มีกลิ่นเหม็นเหมือนกลิ่นคาวปลา 1' Amine กับ 2' Amine นั้นเกิดพันธะ H ได้ แต่แรงไม่เท่าพันธะระหว่าง O กับ H จึงมีจุดเดือดสูงแต่ไม่เท่าพวก Alcohol ส่วน 3' Amine นั้นจุดเดือดต่ำ
**Aromatic Amine นั้นไม่ละลายน้ำ มีพิษถึงแก่ชีวิตได้
Amine นั้นเป็นเบส เพราะมี e- เหลือ 1 คู่ จึงจับ H ได้ดี และยิ่งถ้ามีหมู่ R มาเกาะเยอะๆก็จะ Donate e- ให้กับ N ได้มาก ก็จะยิ่งจับโปรตอนได้ดี เป็นเบสมากขึ้น
ปกติแล้วแอมโมเนียที่เรารู้จักคือ NH3 แต่ทีนี้ เราแค่แทนที่ H เป็นหมู่ Alkyl เราก็เรียกว่า Amine แล้วนะครับ โดย Amine นี้ N จะเหลือ e- 1 คู่ ทำให้รูปร่างเป็นรูป Pyramid ฐานสามเหลี่ยม
ถ้ามีหมู่มาเกาะที่ N 1 หมู่ก็เรียก 1' Amine ถ้า 2 หมู่ ก็ 2' Amine ถ้าอย่างภาพข้างล่างนี้ 3 หมู่ ก็คือ 3' Amine
Nomenclature
Common Names - เรียกหมู่ที่เหาะอยู่กับ N แล้วลงท้ายด้วย Amine
IUPAC Names - ตัด e ท้ายชื่อ alkane แล้วใส่ amine อย่าลืมว่า ถ้ามีหมู่มาเกาะที่ N ก็ต้องบอกก่อนด้วยล่ะ ตามตัวอย่างข้างล่าง
Physical Properties
Amine ทั้งสามประเภทละลายน้ำได้ แต่ส่วนใหญ่มีกลิ่นเหม็นเหมือนกลิ่นคาวปลา 1' Amine กับ 2' Amine นั้นเกิดพันธะ H ได้ แต่แรงไม่เท่าพันธะระหว่าง O กับ H จึงมีจุดเดือดสูงแต่ไม่เท่าพวก Alcohol ส่วน 3' Amine นั้นจุดเดือดต่ำ
**Aromatic Amine นั้นไม่ละลายน้ำ มีพิษถึงแก่ชีวิตได้
Amine นั้นเป็นเบส เพราะมี e- เหลือ 1 คู่ จึงจับ H ได้ดี และยิ่งถ้ามีหมู่ R มาเกาะเยอะๆก็จะ Donate e- ให้กับ N ได้มาก ก็จะยิ่งจับโปรตอนได้ดี เป็นเบสมากขึ้น
วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
Organic Chemistry - Ester&Amides Pg.2
Reactions
Ester
1.Hydrolysis
2. Saponification - ถ้าเป็นกรดไขมันจะได้สบู่ (Glycerol) ด้วย
3. Transesterification
4. Reduction
Amides
1. Hydrolysis
2. Reduction
3. Hoffman Rearrangement
Ester
1.Hydrolysis
2. Saponification - ถ้าเป็นกรดไขมันจะได้สบู่ (Glycerol) ด้วย
3. Transesterification
4. Reduction
Amides
1. Hydrolysis
2. Reduction
3. Hoffman Rearrangement
Organic Chemistry - Ester&Amides Pg.1
Ester & Amides
Ester กับ Amide นั่นเรียกว่าเป็นอนุพันธ์ของกรดอินทรีย์ คือ สามารถเตรียม Ester กับ Amide ได้จากกรดอินทรีย์ โดยการแทนที่หมู่ -OH และในขณะเดียวกันก็ Ester กับ Amide สารมารถแปลงกัลับเป็นกรดอินทรีย์ได้ด้วย
Nomenclature (Common Name กับ IUPAC อันเดียวกัน)
สำหรับ Ester นั้น คือ COOH ที่ H หายไปตัวนึง กลายเป็น COO เวลาเรียกชื่อ ก็จะเรียกหมู่ที่มาแทน H ก่อน แล้วก็ค่อยเรียก Alkanoate โดยจำนวน C ไม่เกี่ยวข้องกับหมู่ที่มาเกาะใหม่ เช่น Methylethanoate
สำหรับ Amide นั้น เปลี่ยนจาก oic acid หรือ ic acid ของกรดอินทรีย์ เป็น amide เท่านั้น ที่เหลือก็เหมือนเดิม เพียงแต่ที่ N อาจจะมีหมู่มาเกาะอยู่ เวลาเรียกชื่อก็ขึ้น N กับเลย เช่น N-Methylpropanamide
Physical Properties
สำหรับ Ester นั้นเมื่อ H หายไปแล้วเลยทำให้ไม่เกิดพันธะ H แต่ก็ยังมีขั้ว จุดเดือดเลยค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังมากกว่า Alkane นิดนึง และละลายน้ำได้
แต่สำหรับ Amide นั้น น่าสนใจมากๆ เพราะ Amide นั้นมีจุดเดือดสูงที่สุดในบรรดาสารอินทรีย์เลยทีเดียว เพราะว่า Amide นั้นเกิดการ Resonance ได้ และยังทำให้ O มีความเป็นลบมาก N มีความเป็นบวกมากอีกด้วย H ที่มาเกาะกับ N นั้นก็เลยเกิดความเป็นลบมาก เกิดพันธะ H ระหว่างโมเลกุลได้
แต่สำหรับ Amide ที่ไม่มี H มาเกาะอยู่เลยนั้นจะมีแรง Intermolecular Attraction ซึ่งเป็นแรงระหว่าง O กับ N ก็ยังทำให้จุดเดือดสูงอยู่ดี ถึงจะไม่มากเท่า Amide ที่มี H มาเกาะอยู่
Ester กับ Amide นั่นเรียกว่าเป็นอนุพันธ์ของกรดอินทรีย์ คือ สามารถเตรียม Ester กับ Amide ได้จากกรดอินทรีย์ โดยการแทนที่หมู่ -OH และในขณะเดียวกันก็ Ester กับ Amide สารมารถแปลงกัลับเป็นกรดอินทรีย์ได้ด้วย
Nomenclature (Common Name กับ IUPAC อันเดียวกัน)
สำหรับ Ester นั้น คือ COOH ที่ H หายไปตัวนึง กลายเป็น COO เวลาเรียกชื่อ ก็จะเรียกหมู่ที่มาแทน H ก่อน แล้วก็ค่อยเรียก Alkanoate โดยจำนวน C ไม่เกี่ยวข้องกับหมู่ที่มาเกาะใหม่ เช่น Methylethanoate
สำหรับ Amide นั้น เปลี่ยนจาก oic acid หรือ ic acid ของกรดอินทรีย์ เป็น amide เท่านั้น ที่เหลือก็เหมือนเดิม เพียงแต่ที่ N อาจจะมีหมู่มาเกาะอยู่ เวลาเรียกชื่อก็ขึ้น N กับเลย เช่น N-Methylpropanamide
Physical Properties
สำหรับ Ester นั้นเมื่อ H หายไปแล้วเลยทำให้ไม่เกิดพันธะ H แต่ก็ยังมีขั้ว จุดเดือดเลยค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังมากกว่า Alkane นิดนึง และละลายน้ำได้
แต่สำหรับ Amide นั้น น่าสนใจมากๆ เพราะ Amide นั้นมีจุดเดือดสูงที่สุดในบรรดาสารอินทรีย์เลยทีเดียว เพราะว่า Amide นั้นเกิดการ Resonance ได้ และยังทำให้ O มีความเป็นลบมาก N มีความเป็นบวกมากอีกด้วย H ที่มาเกาะกับ N นั้นก็เลยเกิดความเป็นลบมาก เกิดพันธะ H ระหว่างโมเลกุลได้
แต่สำหรับ Amide ที่ไม่มี H มาเกาะอยู่เลยนั้นจะมีแรง Intermolecular Attraction ซึ่งเป็นแรงระหว่าง O กับ N ก็ยังทำให้จุดเดือดสูงอยู่ดี ถึงจะไม่มากเท่า Amide ที่มี H มาเกาะอยู่
Organic Chemistry - Carboxylic Acids Pg.2
Synthesis
1. Oxidation of 1' Alcohol or aldehyde
2. Oxidation of Alkylbenzene
Reactions
1. การเกิดเกลือ - ทำปฏิกริยากับเบสแก่ได้เกลือกับน้ำ อันนี้อยู่ในเรื่องกรด-เบส เมื่อนานมาแล้ว ไม่ขออธิบายอะไรมากละกันครับ
2. Reduction
3. Esterification
**หมู่ Carboxyl นั้นเป็น Meta-Directing Group ในวง Benzene เมื่อมี Electrophile มาทำปฏิกริยา จึงเข้าที่ตำแหน่ง meta นะครับ
1. Oxidation of 1' Alcohol or aldehyde
2. Oxidation of Alkylbenzene
Reactions
1. การเกิดเกลือ - ทำปฏิกริยากับเบสแก่ได้เกลือกับน้ำ อันนี้อยู่ในเรื่องกรด-เบส เมื่อนานมาแล้ว ไม่ขออธิบายอะไรมากละกันครับ
2. Reduction
3. Esterification
**หมู่ Carboxyl นั้นเป็น Meta-Directing Group ในวง Benzene เมื่อมี Electrophile มาทำปฏิกริยา จึงเข้าที่ตำแหน่ง meta นะครับ
Organic Chemistry - Carboxylic Acids Pg.1
Carboxylic Acids
Carboxyic Acids (เพื่อนๆผมเรียก คาบ็อกๆๆ) หรือที่เราเรียกง่ายๆว่ากรดอินทรีย์ คือสารประกอบที่มีหมู่ -COOH อยู่นั่นเอง ซึ่งกรดอิทรีย์นั่นค่อนข้างจะเป็นที่คุ้นๆของเราอยู่บ้าง เช่น น้ำส้มสายชู(Acetic Acid)
Nomenclature
Common Names - เรียกตามแหล่งที่มา เช่น Formic Acid (Formic(Latin) = Ant) จึงเรียกว่ากรดมด หรือ Acetic Acid (Acetic(Latin) = น้ำส้มสายชู)
นอกจากนี้ ถ้ามีหมู่อื่นๆมาเกาะอยู่ที่สายโซ่ที่มีหมู่ Carboxyl อยู่ด้วยแล้ว เราจะเรียกเป็น alpha beta หรือ gamma โดยตำแหน่งที่มีหมู่ Carboxyl อยู่จะเป็น alpha เช่น b-hyhroxyl-b,b-dimethyl butanoic acid
IUPAC Names - จาก Alkane ปกติ ตัด e ออก แล้วใส่ oic acid เข้าไป โดยเวลาเลือกสายโซ่ก็เลือกสายที่มีหมู่ Carboxyl เกาะอยู่เป็นสายหลักด้วย โดยตำแหน่งที่ 1 ก็คือ C ในหมู่ COOH น่ะแหละครับ
Physical Properties
ละลายน้ำได้ดีมาก เพราะมีพันธะ H แต่ถ้า C ในโซ่เพิ่มขึ้น การละลายน้ำก็ลดลงด้วย จนถึงไม่ละลายเลย
ส่วนจุดเดือดจุดหลอมเหลวนั้น ก็สูงมากๆด้วย สูงกว่า Alcohol อีก เพราะไม่ใช่มีพันธะ H อย่างเดียว แต่ยังมี Cyclic Dimer(ตามรูป) อีกด้วย
สภาพความเป็นกรดนั้น กรดอินทรีย์คงสู้กรดแร่ไม่ได้ แต่ก็ยังเป็นกรดสูงกว่าสารอินทรีย์อื่นๆ เพราะมี O อยู่ตั้ง 2 ตัว และเมื่อแตกเอา H ออกไปได้แล้ว ยังเกิดการ Resonance ในพื้นที่เล็กๆได้ด้วย ทำให้สเถียรเลยทีเดียว
Carboxyic Acids (เพื่อนๆผมเรียก คาบ็อกๆๆ) หรือที่เราเรียกง่ายๆว่ากรดอินทรีย์ คือสารประกอบที่มีหมู่ -COOH อยู่นั่นเอง ซึ่งกรดอิทรีย์นั่นค่อนข้างจะเป็นที่คุ้นๆของเราอยู่บ้าง เช่น น้ำส้มสายชู(Acetic Acid)
Nomenclature
Common Names - เรียกตามแหล่งที่มา เช่น Formic Acid (Formic(Latin) = Ant) จึงเรียกว่ากรดมด หรือ Acetic Acid (Acetic(Latin) = น้ำส้มสายชู)
นอกจากนี้ ถ้ามีหมู่อื่นๆมาเกาะอยู่ที่สายโซ่ที่มีหมู่ Carboxyl อยู่ด้วยแล้ว เราจะเรียกเป็น alpha beta หรือ gamma โดยตำแหน่งที่มีหมู่ Carboxyl อยู่จะเป็น alpha เช่น b-hyhroxyl-b,b-dimethyl butanoic acid
IUPAC Names - จาก Alkane ปกติ ตัด e ออก แล้วใส่ oic acid เข้าไป โดยเวลาเลือกสายโซ่ก็เลือกสายที่มีหมู่ Carboxyl เกาะอยู่เป็นสายหลักด้วย โดยตำแหน่งที่ 1 ก็คือ C ในหมู่ COOH น่ะแหละครับ
Physical Properties
ละลายน้ำได้ดีมาก เพราะมีพันธะ H แต่ถ้า C ในโซ่เพิ่มขึ้น การละลายน้ำก็ลดลงด้วย จนถึงไม่ละลายเลย
ส่วนจุดเดือดจุดหลอมเหลวนั้น ก็สูงมากๆด้วย สูงกว่า Alcohol อีก เพราะไม่ใช่มีพันธะ H อย่างเดียว แต่ยังมี Cyclic Dimer(ตามรูป) อีกด้วย
สภาพความเป็นกรดนั้น กรดอินทรีย์คงสู้กรดแร่ไม่ได้ แต่ก็ยังเป็นกรดสูงกว่าสารอินทรีย์อื่นๆ เพราะมี O อยู่ตั้ง 2 ตัว และเมื่อแตกเอา H ออกไปได้แล้ว ยังเกิดการ Resonance ในพื้นที่เล็กๆได้ด้วย ทำให้สเถียรเลยทีเดียว
วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
Organic Chemistry - Aldehydes & Ketones Pg.2
Synthesis
1. Oxidation of alcohols - ใช้ CrO3/HCl (PCC) เป็น Reagent ถ้า 1' Alcohol ได้ Aldehyde ถ้า 2' Alcohol ได้ Ketone
2. Ozonolysis of Alkenes - ใช้ O3 โดยมี Zn/H2O ร่วมด้วย โดย Alkenes จะแบ่งครึ่งเป็น Aldehydes หรือ Ketone
Reactions
1. Reduction - ย้อนกลับ Oxidation of alcohols นั่นแหละครับ แค่ใช้ Reagent ต่างกัน
2. Clemmensen Reduction - ใช้ Reagent เป็น Zn(Hg) และ HCl ได้ Alkane เป็นผลิตภัณฑ์
1. Oxidation of alcohols - ใช้ CrO3/HCl (PCC) เป็น Reagent ถ้า 1' Alcohol ได้ Aldehyde ถ้า 2' Alcohol ได้ Ketone
2. Ozonolysis of Alkenes - ใช้ O3 โดยมี Zn/H2O ร่วมด้วย โดย Alkenes จะแบ่งครึ่งเป็น Aldehydes หรือ Ketone
Reactions
1. Reduction - ย้อนกลับ Oxidation of alcohols นั่นแหละครับ แค่ใช้ Reagent ต่างกัน
2. Clemmensen Reduction - ใช้ Reagent เป็น Zn(Hg) และ HCl ได้ Alkane เป็นผลิตภัณฑ์
Organic Chemistry - Aldehydes & Ketones Pg.1
Aldehydes & Ketones
สารประกอบ Aldehyde กับ Ketone นั้น คือสารประกอบที่มีหมู่ Carbonyl (C=O) อยู่ โดย Aldehyde นั้น จะมี Alkyl มาเกาะอยู่ 1 ตัว และ Ketone ตัว จากภาพคือ Aldehyde และ Ketone ตามลำดับ
Nomenclature
Common Names - เรียกโดยเปลี่ยน -ic หรือ oic acid ของกรดอินทรีย์ออก เปลี่ยนเป็น -aldehyde ส่วน ketone นั้น เรียกหมู่ Alkyl ที่มาเกาะ แล้วตามด้วย -ketone
IUPAC names - สำหรับ Aldehyde จะมีได้ที่เดียวในโซ่ จึงให้ถือว่าเป็นหมู่ที่สำคัญที่สุด เรียกเป็น Alkanal เช่น Propanal
สำหรับ Ketone จะมีได้หลายที่ ก็จะเรียกเป็น Alkanone หรือ ถ้ามี 2 ที่ก็เรียก Alkan-dione เช่น Butadione (อย่าลืมบอกตำแหน่งด้วยนะ ว่า O อยู่ตำแหน่งไหน)
Physical Properties
มีแรงระหว่างขั้วค่อนข้างแรง ละลายน้ำได้ แต่ก็ยังไม่เกิดพันธะ H มีจุดเดือดจุดหลอมเหลวต่ำกว่าพวก Alcohol ความสามารถในการละลายน้ำลดลงเมื่อ C เพิ่มขึ้น
Formyl Test (หมู่ Formyl คือ Aldehyde นั่นแหละ)
ปฏิกริยาต่อไปนี้ ใช้แยก Aldehyde กับ Ketone เนื่องจาก Aldehyde ตัวเล็กกว่า ก็ Oxidize ง่ายกว่า จึงทำให้ได้ Positive test
1.Silver Mirror Test - Positive Test คือได้ Ag ออกมาฉาบหลอดทดลองเป็นสีเงินเลยทีเดียว
3. Reaction with Fehling's Reagent - ได้ตะกอน Cu เป็น Positive Test เช่นเดียวกัน
สารประกอบ Aldehyde กับ Ketone นั้น คือสารประกอบที่มีหมู่ Carbonyl (C=O) อยู่ โดย Aldehyde นั้น จะมี Alkyl มาเกาะอยู่ 1 ตัว และ Ketone ตัว จากภาพคือ Aldehyde และ Ketone ตามลำดับ
Nomenclature
Common Names - เรียกโดยเปลี่ยน -ic หรือ oic acid ของกรดอินทรีย์ออก เปลี่ยนเป็น -aldehyde ส่วน ketone นั้น เรียกหมู่ Alkyl ที่มาเกาะ แล้วตามด้วย -ketone
<< Dimethylketone (Acetone)
IUPAC names - สำหรับ Aldehyde จะมีได้ที่เดียวในโซ่ จึงให้ถือว่าเป็นหมู่ที่สำคัญที่สุด เรียกเป็น Alkanal เช่น Propanal
สำหรับ Ketone จะมีได้หลายที่ ก็จะเรียกเป็น Alkanone หรือ ถ้ามี 2 ที่ก็เรียก Alkan-dione เช่น Butadione (อย่าลืมบอกตำแหน่งด้วยนะ ว่า O อยู่ตำแหน่งไหน)
Physical Properties
มีแรงระหว่างขั้วค่อนข้างแรง ละลายน้ำได้ แต่ก็ยังไม่เกิดพันธะ H มีจุดเดือดจุดหลอมเหลวต่ำกว่าพวก Alcohol ความสามารถในการละลายน้ำลดลงเมื่อ C เพิ่มขึ้น
Formyl Test (หมู่ Formyl คือ Aldehyde นั่นแหละ)
ปฏิกริยาต่อไปนี้ ใช้แยก Aldehyde กับ Ketone เนื่องจาก Aldehyde ตัวเล็กกว่า ก็ Oxidize ง่ายกว่า จึงทำให้ได้ Positive test
1.Silver Mirror Test - Positive Test คือได้ Ag ออกมาฉาบหลอดทดลองเป็นสีเงินเลยทีเดียว
2. Reaction with Benedict's Reagent - ได้ตะกอน Cu เป็น Positive Test
3. Reaction with Fehling's Reagent - ได้ตะกอน Cu เป็น Positive Test เช่นเดียวกัน
วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
Organic Chemistry - Ethers
Ethers
Introduction
Ethers กับ Alcohol นั้นคล้ายกัน แค่ตัด H ออกจากหมู่ -OH ของ Alcohol เราก็จะได้ Ether (-O-) มาแล้ว
Nomenclature
1. Common Names - เรียกชื่อหมู่ Alkyl ที่มาเกาะ ตามด้วย Ethe
2. IUPAC Names - หมู่ -O- คือหมู่ Oxy ซึ่งจะเกาะอยู่บนสายโซ่ เรียกเป็น Alkoxyalkane เช่น 2-Ethoxypentane
Physical Properties
ละลายน้ำได้ เพราะมีขั้วอ่อนๆ แต่จุดเดือดต่ำ เพราะไม่มีพันธะ H ระหว่างตัวมันเอง
Synthesis
1. Williamson Ether Synthesis - ใช้ Alkoxide (R-O) ซึ่ง O นั้นมีสภาพเป็นลบอยู่ เข้าไปแทนที่ฮาโลเจน
2. Dehydration of Alcohols - ใช้ความร้อนประมาณ 140 องศาเซงเซียสนะครับ ถ้าเกินจะกลายเป็น Alkene แทน
Reactions
1. Reaction with Hydrohalic (HX) - Ether นั้นค่อนข้างเฉือย จึงต้องใช้กรดแก่ และอุณหภูมิสูงๆในการเกิดปฏิกริยา (R-O-R' ----> R-X + R'-OH)
2. Autoxidation - ถ้า Ether เปิดทิ้งไว้นานๆ อาจทำให้มี O เข้าไปเพิ่ม กลายเป็น Peroxide ก็ได้ ซึ่งตรวจสอบได้โดยใส่ KI เข้าไปจะทำให้เกิดสีน้ำตาลแดงของ Idodine
Introduction
Ethers กับ Alcohol นั้นคล้ายกัน แค่ตัด H ออกจากหมู่ -OH ของ Alcohol เราก็จะได้ Ether (-O-) มาแล้ว
Nomenclature
1. Common Names - เรียกชื่อหมู่ Alkyl ที่มาเกาะ ตามด้วย Ethe
2. IUPAC Names - หมู่ -O- คือหมู่ Oxy ซึ่งจะเกาะอยู่บนสายโซ่ เรียกเป็น Alkoxyalkane เช่น 2-Ethoxypentane
Physical Properties
ละลายน้ำได้ เพราะมีขั้วอ่อนๆ แต่จุดเดือดต่ำ เพราะไม่มีพันธะ H ระหว่างตัวมันเอง
Synthesis
1. Williamson Ether Synthesis - ใช้ Alkoxide (R-O) ซึ่ง O นั้นมีสภาพเป็นลบอยู่ เข้าไปแทนที่ฮาโลเจน
Reactions
1. Reaction with Hydrohalic (HX) - Ether นั้นค่อนข้างเฉือย จึงต้องใช้กรดแก่ และอุณหภูมิสูงๆในการเกิดปฏิกริยา (R-O-R' ----> R-X + R'-OH)
2. Autoxidation - ถ้า Ether เปิดทิ้งไว้นานๆ อาจทำให้มี O เข้าไปเพิ่ม กลายเป็น Peroxide ก็ได้ ซึ่งตรวจสอบได้โดยใส่ KI เข้าไปจะทำให้เกิดสีน้ำตาลแดงของ Idodine
วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
Organic Chemistry - Alcohols Pg.2
Synthesis
1. Hydration of Alkenes - เติมน้ำลงไป น้ำก็จะแยก H กับ OH ไปเกาะ
2. Hydrolysis of Alkylhalides
3. Reduction of Carbonyl Groups (Aldehydes or Ketones) - ใช้ LiAlH4, NaBH4 หรือ H2 ใน Ni เป็น Reducing agent
2. Lucas' Test - ใช้แยกแอลกอฮอล์ทั้ง 3 ประเภท โดยประเภทที่ 3 จะเกิดเร็วที่สุด และประเภทที่ 1 จะเกิดช้าที่สุด ปฏิกริยานี้จะใชช้ Reagent คือ Lucas Reacgent (HCl/ZnCl2)
3. Oxidation Reaction - 1' Alcohol จะถูกลดรูปกลายเป็น Aldehyde แล้วกลายเป็นกรดอินทรีย์ไปเลย ซึ่งถ้าต้องการให้ปฏิกริยาหยุดที่ Aldehyde นั้น จะต้องใช้ oxidizing agent ที่ต่ำลง เช่น CrO3 ถ้าเป็น 2' Alcohol จะได้ Ketone (ไม่กลายเป็นกรดอินทรีย์) ส่วนถ้าเป็น 3' Alcohol จะไม่เกิดเลย
4. Esterification - ถ้าต้ม Alcohol กับกรดอินทรีย์โดยมีกรดเร่งปฏิกริยา จะได้ Ester ซึ่งมีกลิ่นหอมมม
** ถ้าเป็น OH เกาะอยู่กับวง Benzene เราจะเรียกว่า Phenol ซึ่งเป็น Ortho-Para Directing Group นะครับ
1. Hydration of Alkenes - เติมน้ำลงไป น้ำก็จะแยก H กับ OH ไปเกาะ
2. Hydrolysis of Alkylhalides
3. Reduction of Carbonyl Groups (Aldehydes or Ketones) - ใช้ LiAlH4, NaBH4 หรือ H2 ใน Ni เป็น Reducing agent
Reactions
1. ปฏิกริยาแสดงความเป็นกรด - ต้องใช้เบสแก่มากๆๆๆๆๆๆ แล้ว Alcohol จะให้ H+ ออกมา
3. Oxidation Reaction - 1' Alcohol จะถูกลดรูปกลายเป็น Aldehyde แล้วกลายเป็นกรดอินทรีย์ไปเลย ซึ่งถ้าต้องการให้ปฏิกริยาหยุดที่ Aldehyde นั้น จะต้องใช้ oxidizing agent ที่ต่ำลง เช่น CrO3 ถ้าเป็น 2' Alcohol จะได้ Ketone (ไม่กลายเป็นกรดอินทรีย์) ส่วนถ้าเป็น 3' Alcohol จะไม่เกิดเลย
4. Esterification - ถ้าต้ม Alcohol กับกรดอินทรีย์โดยมีกรดเร่งปฏิกริยา จะได้ Ester ซึ่งมีกลิ่นหอมมม
** ถ้าเป็น OH เกาะอยู่กับวง Benzene เราจะเรียกว่า Phenol ซึ่งเป็น Ortho-Para Directing Group นะครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)